บทนำ

 

     แดนลับแล หมายถึงแดนที่คนธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ ไม่สามารถมองเห็นได้ แม้จะใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน ก็ไม่สามารถมองเห็นได้ เมื่อมองเห็นไม่ได้ ข้าพเจ้าจึงเรียกว่า “แดนลับแล”

     แดนลับแล อาจเรียกให้เข้าใจได้ง่ายว่า “แดนต่างมิติ” เป็นแดนที่อยู่คนละมิติกับโลกมนุษย์เรา... คำว่าคนละมิติ ก็คือ รูปธรรม หรือรูปกาย หรือวัตถุธาตุใดๆ รวมถึงจิตวิญญาณอันอาศัยรูปกายนั้นๆ หมุนวนอยู่ในย่านความถี่คนละย่านความถี่กัน ดังนั้น แม้จะซ้อนทับกัน ณ ตำแหน่งเดียวกัน เวลาเดียวกัน ก็ไม่ชนกัน ไม่รบกวนกัน ไม่ทำให้กันและกันเสียรูปร่างไป ทว่า คลื่นความถี่ที่อยู่ในย่านใกล้เคียงกัน (หรือช่วงรอยต่อของมิติ) อาจรบกวนกันได้....

     สายตามนุษย์เรา มองเห็นวัตถุหรือแสง ได้ในย่านความถี่ขอบเขตหนึ่ง หู ฟังเสียงหรือคลื่นเสียงได้ ในย่านความถี่ขอบเขตหนึ่ง.... สัตว์ ก็มีขอบเขตย่านความถี่ของมันเอง เช่นกัน... ที่เรามองไม่เห็น ใช่ว่ามันไม่มี ที่เราไม่ได้ยิน ก็ใช่ว่ามันไม่มี...มันมีอยู่ แต่เลยความสามารถของประสาทสัมผัสธรรมดา ที่มนุษย์จะรับรู้ได้...

     ดังนั้น หากเราต้องการเห็น แดนรวมถึงวัตถุที่อยู่ในย่านความถี่อื่น เราต้องอาศัยเครื่องมือคือจิต นั่นคือ ต้องฝึกจิตจนเราเปลี่ยนย่านความถี่ของจิตเป็นย่านความถี่ใดๆ ได้ ทำจิตให้เป็นตัวรับ หรือ Receiver ... หากเราต้องการรู้เห็นย่านความถี่ใด ก็จูนจิตให้ตรงกับย่านความถี่นั้นๆ ...

     แดนลับแล มีมาก เช่น นับแต่แดน(ภพภูมิ) ที่อยู่ย่านความถี่ต่ำ (ภูมิหยาบ) ก็ ตั้งแต่ นรก, เปรต ผี อสุรกาย, ดิรัจฉาน มนุษย์, สัตว์กึ่งเทพ, เทวดา, พรหม, เป็นต้น

     แยกย่อยออกไปอีก แม้นรก ก็มีหลายย่านความถี่, มนุษย์ ก็มีหลายย่านความถี่, เทวดา ก็มีหลายย่านความถี่, พรหม ก็มีหลายย่านความถี่

     ที่อยู่บนโลกใบเดียวกันนี้ ความจริง แดนมนุษย์ มิใช่มีแค่ที่เราเห็นอยู่ ยังมีแดนมนุษย์ซ้อนทับกับเราอยู่ เป็นคนเหมือนกันกับเรา แต่เรามองไม่เห็น เพราะอยู่คนละย่านความถี่กัน ... ที่มักจะได้ยินเรียกกันว่า ผีบังบด บ้าง เมืองลับแล บ้าง นั่นแหละ....

     อย่างไรก็ตาม เรื่องราวต่างๆ ที่นำมาเล่าในที่นี้ มิได้มีวัตถุประสงค์จะให้ใครเชื่อหรือไม่เชื่อ... ขอให้ผู้อ่าน อ่านเพียงเพื่อประดับความรู้ ก็พอ